อินเดียลงทุนกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อผลิตชิปของตัวเอง

อินเดียกำลังเดินหน้าอย่างจริงจังเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรม semiconductor โดยล่าสุดรัฐบาลอินเดียได้อนุมัติโครงการเกี่ยวกับชิปทั้งหมด 10 โครงการใน 6 รัฐ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งโรงงานผลิตชิป โรงงานทดสอบ และบรรจุภัณฑ์ เป้าหมายคือเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า และเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีที่สำคัญต่อ AI ระบบป้องกันประเทศ และรถยนต์ไฟฟ้า

โครงการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างโรงงานผลิตชิป (fabs) ไปจนถึงโรงงานทดสอบและบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและรักษาความมั่นคงทางเทคโนโลยีที่สำคัญอย่าง AI และเทคโนโลยีสำคัญอื่นๆ ก่อนหน้านี้ นโยบายของรัฐบาลอินเดียมุ่งไปที่การสนับสนุนเฉพาะชิปขนาด 28 นาโนเมตรหรือต่ำกว่า แต่ล่าสุดได้ขยายให้ครอบคลุมทุกประเภทเพื่อดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น

ตัวอย่างโครงการใหญ่ เช่น โรงงานผลิตชิปในรัฐคุชราตที่ Tata Electronics ร่วมมือกับ Powerchip จากไต้หวัน รวมถึงโรงงานผลิต compound semiconductor ในรัฐโอริสสา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอินเดียกำลังพยายามสร้างระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่การผลิตขั้นสูงไปจนถึงส่วนสนับสนุนอย่างการทดสอบและบรรจุ

แม้อินเดียยังเผชิญความท้าทาย ทั้งการขาดบุคลากรเชี่ยวชาญ และโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน เช่น โรงงานเคมีที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง, ระบบขนส่ง, เขตปลอดภัยจากน้ำท่วมและแรงสั่นสะเทือน แต่การผลักดันครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ทำให้หลายประเทศมองหาฐานการผลิตใหม่ ซึ่งหากทำสำเร็จ อินเดียอาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่อุปทานชิปโลก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของเศรษฐกิจในอนาคต

ที่มา: CNBC