L o a d i n g

หนึ่งในประเด็นที่ถูกถกเถียงมาอย่างยาวนานบนโลกออนไลน์ และยังหาข้อสรุปที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับไม่ได้ คือคำถามที่ว่า Facebook หรือ Instagram แอบฟังเสียงผู้ใช้ผ่านไมโครโฟนหรือไม่? เพราะผู้ใช้หลายคนเคยรู้สึกว่า เพียงแค่พูดถึงสินค้าหรือเรื่องราวบางอย่างขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นานก็เจอโฆษณาเกี่ยวกับสิ่งนั้นขึ้นมาที่หน้าฟีดทันที จนทำให้เชื่อว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ “ต้องแอบฟังอยู่แน่ ๆ”

ล่าสุด Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram ได้ลงคลิปบน Instagram เพื่อตอบประเด็นนี้โดยตรง เขายืนยันว่า Meta ไม่ได้ใช้ไมโครโฟนแอบฟังเสียงของผู้ใช้แล้วไปยิงโฆษณา (และมันคงเปลืองแบตสุด ๆ ถ้าต้องแอบฟังเกือบตลอดเวลา) การใช้ไมโครโฟนจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้อนาญาตเท่านั้น เช่น เวลาที่โทรศัพท์ วีดีโอคอล อัดเสียง หรืออัดคลิป เป็นต้น และชี้ว่าเรื่องที่ทำให้ Facebook และ Instagram ดูรู้ใจเกินไปจนเหมือนแอบฟัง อาจเกิดได้จากหลายเหตุผล เช่น

1. ผู้ใช้อาจเคยค้นหาสินค้าหรือเข้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นมาก่อน แล้วลืมไปว่าเคยทำ แล้วเมื่อโฆษณาแสดงผลในเวลาใกล้เคียงกับที่พูดถึงสิ่งนั้นพอดี ผู้ใช้จึงคิดว่าข้อมูลนั้นต้องมาจากการแอบฟัง

2. ระบบโฆษณาอาจเลือกสิ่งที่เพื่อนหรือคนในเครือข่ายที่สนใจคล้ายกันกับผู้ใช้กำลังดูอยู่ เป็นความสนใจร่วมกัน แล้วผู้ใช้ก็พูดถึงสิ่งนั้นในจังหวะที่โฆษณากำลังจะมาพอดี

3. ผู้ใช้อาจเคยเห็นโฆษณานั้นมาก่อนแล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจเพราะยังไม่ได้พูดถึงมัน แต่เมื่อผู้ใช้พูดถึงมันแล้วโฆษณาก็มาอีกครั้ง กลายเป็นความรู้สึกว่าต้องถูกฟังอยู่แน่ ๆ

นอกจากความเป็นไปได้ที่เขายกตัวอย่างมาทั้งหมดแล้ว บางครั้งก็อาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริง ๆ

ดูคลิปต้นฉบับได้ที่นี่

เขาพยายามย้ำว่าทั้งหมดนี้เป็นผลจากระบบโฆษณาที่ซับซ้อนและฉลาดมาก โดยใช้ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานทั่วไปจำนวนมหาศาล ไม่ใช่ “เสียงที่ฟังจากไมโครโฟน”

อย่างไรก็ตาม แม้ Mosseri จะออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่คนที่เชื่อว่ามีการแอบฟังก็คงยังเชื่อว่ามีการแอบฟังอยู่ดี อาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่ชัดเจนและอยู่นอกเหนือคำอธิบายที่ Mosseri กล่าวมานั่นเอง และจริง ๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลายคนออกมาให้ความเห็นว่า Meta ไม่จำเป็นต้องแอบฟังเพื่อที่จะยิงโฆษณาให้แม่นเลย เพราะระบบมีข้อมูลการใช้งานมหาศาลอยู่แล้ว และมีการจัดการข้อมูลที่ฉลาดมากด้วย